About

 

กันต์พงศ์ (กันต์) ทวีสุข

  • ประถม-ม.ต้น ผมเรียนโรงเรียนคาทอลิก เข้าพิธีมิสซาตั้งแต่ประถม เป็นพุทธศาสนิกชนตามบัตรประชาชน ผมเคยชอบเล่นฟุตบอล รู้สึกภูมิใจเวลาได้ล็อคหลบ ยิงเข้าสามเหลี่ยม ผมเคยชอบแฮงค์เอ้าสังสรรกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ ชอบมีเพื่อนรายล้อมเยอะๆ รู้สึกชีวิตได้รับการยอมรับ ผมวางตัวเองในกลุ่มเด็กเนิร์ด(ปานกลาง) เชื่อฟังคำสั่ง แต่ผมก็มักจะรีเบลต่อความอยุติธรรม ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม
  • ม.ปลาย ผมย้ายไปเรียนโรงเรียนดนตรี เพราะเบื่อหน่ายกับวัฏจักร  “เรียน > จำ > สอบ > ลืม” แต่เมื่อเรียนไปแล้ว ผมค้นพบว่า ตัวเองตบขาไม่เคยตรงกับเครื่องนับจังหวะ เล่นตัวโน๊ตจังหวะยกไม่เคยได้ และร้องเพลงไม่ตรงคีย์ จึงไม่เลือกที่จะเรียนดนตรีต่อ
  • หลังจากจบม.ปลาย ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต ผมจึงเลือกที่จะไม่สมัครเรียนต่อ และไปเรียนภาษาที่อเมริกา การได้ใช้ชีวิตในต่างประเทศทำช่วยทำ อ๋อ ว่าผมต้องการอิสรภาพที่จะได้ใช้ชีวิต ประกอบกับครอบครัวทำธุรกิจส่งออก ทางบ้านอยากสนับสนุนให้ผมได้ภาษา ผมจึงได้ไปศึกษาและทำกิจกรรมใน community college ย่านเมือง Seattle 3 ปี
  • ปัจจุบัน ผมเป็นกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาต่อต่างประเทศก้อปันกัน บริการด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ ด้วยความใส่ใจต่อความต้องการและพัฒนาการด้านทักษะชีวิตของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ มีวิสัยทัศน์คือ

การเพื่อส่งมอบประสบการณ์เรียนต่อต่างประเทศที่ผู้เรียนจะได้เรียนรู้โลกกว้าง เรียนรู้ตนเอง

—————————

ผู้นำต่างถิ่น

ในช่วงที่เรียนในวิทยาลัยชุมชนในอเมริกาปีแรก ผมได้ทำงานจัดกิจกรรมและที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของนักศึกษานานาชาติ ผมได้ค้นพบความสนใจในการบริการและกระบวนการการเรียนรู้

ปีสอง ผมท้าทายตัวเองด้วยการลงสมัครและชนะการเลือกตั้งตำแหน่งประธานสภานักศึกษา ในช่วงเริ่มต้นของการอบรมผู้นำ ผมทำแบบทดสอบก่อนอบรม ซึ่งมีคำถามว่า “privilege ของคุณคืออะไร?” ด้วยความไม่เข้าใจ ผมตอบไปด้วยความไม่รู้ว่า “การที่ผมเป็นคนเอเชียและมีอาหารเอเชียให้กิน”

ในตำแหน่งประธานสภานักศึกษา ผมมีหน้าที่

  • เป็นประธานในการประชุมสภานักศึกษา 2 ครั้งต่อเดือน โดยปฏิบัติบัญญัติของรัฐว่าด้วยการประชุมเปิดสาธารณะ (Open Public Meeting Act) ที่นักศึกษา บุคลากร ทีมข่าวหนังสือพิมพ์นักศึกษา ตลอดจนชุมชนวงกว้างสามารถเข้าร่วมได้
  • เป็นตัวแทนในการสื่อสารระหว่างสภาฯ ผู้บริหารวิทยาลัย และคณะอนุกรรมการสูงสุดของวิทยาลัย (Board of Trustees)
  • สรรหาและส่งเสริมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักศึกษา ในการพัฒนางานบริการและการศึกษาของวิทยาลัย การวางแผนยุทธศาสตร์ของวิทยาลัย การคัดเลือกและแนะนำการจ้างบุคลากรใหม่ทางการศึกษา ตลอดจนการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล
  • ร่วมวางแผน บริหารและอนุมัติการจัดสรรงบประมาณของนักศึกษากว่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ร่วมกับผู้นำนักศึกษาตำแหน่งอื่น โดยแบ่งเป็นงบประมาณสำหรับกิจกรรมนักศึกษาประมาณ 1 ล้านเหรียญ และส่วนที่เหลือเป็นงบประมาณสำหรับเทคโนโลยี, อาคารนักศึกษา และการสนับสนุนการใช้ระบบขนส่งสาธารณะของนักศึกษา
  • มีส่วนร่วมในการจัดแคมเปญการมีส่วนร่วมทางสังคมในการนำเสนอข้อเรียกร้องของนักศึกษาถึงวุฒิสมาชิกสภาประจำรัฐ

ในปีนี้เอง ผมได้เรียนรู้ว่าจากการเป็นผู้นำที่เป็นกระบอกเสียงให้กับหน่วยที่ผมเป็นตัวแทน ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงหรือรางวัลใดๆ ถูกฝึกให้ตระหนักว่า ผู้นำควรเลี่ยงที่จะใช้ประสบการณ์ของตัวเองตัดสินและกำหนดแนวทางโดยไม่รับฟังผู้มีได้ส่วนเสีย ได้เข้าใจ privilege ว่ามนุษย์มีความแตกต่างกันทางโอกาสที่เราเลือกไม่ได้โดยกำเนิด คนบางกลุ่มเข้าถึงโอกาสได้มากกว่าบางกลุ่ม ไม่ใช่เพียงเพราะไม่ขยัน ไม่ตั้งใจหรือไม่ฉลาดพอ แต่ประวัติศาสตร์ สภาพแวดล้อมและกฏหมายล้วนมีส่วนในการจำกัดโอกาสในการเลื่อนลำดับขั้นทางสังคม

——————————

ประชาชนในบ้านเกิด

เมื่อเริ่มทำธุรกิจ ผมไม่ได้ทำมันด้วยเครือข่ายที่กว้างขวางที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง เราลงทุนและแรงเพื่อศึกษาและสร้างสรรค์ธุรกิจท่ามกลางทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดและการแข่งขันที่เข้มข้น เราเติบโตด้วยความตั้งมั่นที่จะนำเสนอธุรกิจด้วยคุณค่าที่แตกต่างออกไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ใช้บริการที่คู่แข่งยังเข้าไม่ถึง

ในการบริหาร ผมตั้งใจที่จะดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมภิบาล มีระบบบัญชีและทำเรื่องภาษีที่ถูกต้อง ลงทะเบียนประกันสังคม ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้บริการด้วยคุณค่า ความจริงใจ และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้บริการ เมื่อผมจดทะเบียนบริษัท ตั้งใจที่จะทำทุกอย่างให้เป็นไปตามข้อกฏหมาย และผมมักจะได้ยินว่า “ไม่อยากจ่าย (ภาษี/ประกันสังคม) เลย ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร …ไปทำงานอย่างอื่นที่การจ่ายเงินยืดหยุ่นจากการจ่ายภาษีดีกว่าไหม”

ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่การแข่งขันทางธุรกิจที่ต้องเผชิญ แต่ผมต้องทำงานกับระบบที่ไม่ส่งเสริมความซื่อสัตย์และการรับผิดชอบร่วมกันในสังคม เช่นเดียวกับหลายๆคน ผมมักจะถามตัวเองว่า แล้วจะมีธรรมภิบาลไปเพื่ออะไรกัน?

ในกระบวนการของการขัดเกลาทางสังคม ผ่านความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ระบบโรงเรียนและสื่อต่างๆ ผมถูกหล่อหลอมให้เชื่อในความดี ไม่คดโกง เอื้อเพื้อเผื่อแพร่ และมีน้ำใจต่อผู้อื่น ซึ่งเงื่อนไขความเป็นอยู่ในชีวิตที่ผ่านมาไม่ได้บังคับให้ผมต้องฝ่าฝืนความคาดหวังเหล่านี้เท่าไหร่นัก เมื่อเติบโตขึ้น ผมเข้าใจได้ว่าที่ทำไปไม่ใช่เพราะต้องการที่จะเป็นคนดี ไม่คดโกง แต่ผมเห็นด้วยกับแนวคิดของการร่วมรับผิดชอบสังคมผ่านระบบและกลไกของรัฐ

——————————

บทความแนะนำ

ผู้บ่าวไทบ้าน
การเมืองกับนโยบายศิลปวัฒนธรรม :
ส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น :
ผู้บ่าวไทบ้าน
หากประชาธิปไตยไม่ใช่แค่ชนะเผด็จการ มันอาจหมายถึงอะไร?
หากประชาธิปไตยไม่ใช่แค่ชนะเผด็จการ มันอาจหมายถึงอะไร?
ระบบคิดทางการเมืองในสังคมไทยและสังคมโลก
ระบบคิดทางการเมืองในสังคมไทยและสังคมโลก
สิทธิ อิสรภาพ ความรับผิดชอบ เพื่อล้มล้างวัฒนธรรมเผด็จการในสถานศึกษา
สิทธิ อิสรภาพ ความรับผิดชอบ เพื่อล้มล้างวัฒนธรรมเผด็จการในสถานศึกษา
previous arrow
next arrow